News:

SMF - Just Installed!

Main Menu

Recent posts

#21
owner
ครอบครัว โกกนุทาภรณ์ ถืออยู่ราว 75% 
ผถห ใหญ่ 2 อันดับแรกก็ถือหุ้นอยู่โดยครอบครัวนี้  (บริษัท ทีอีจี แอสเซท จำกัด 37.50% กับ SK INTERTRADE PTE. LTD.  25%)


เฉลิม พี่ชายคนโต เป็น CEO อายุ 51
สินีนุช คนรอง เป็น MD อายุ 49
ก้องกิต อายุ 47
เกริกกุล อายุ 44

คีย์หลักในการบริหารน่าจะเป็น MD ก็มีเวลาบริหารต่อได้อีก 10-15 ปี
#22
ห้องสมุด / Book # Investing between the l...
Last post by lunggob - Jun 22, 2024, 11:07 AM
You cannot view this attachment.

อ่านพอได้ไอเดียว่าควรจะมองหาอะไรจากการสื่อสารของ CEO ที่เป็นผู้นำสูงสุดขององค์กร

ดูดีนะ ก็ตรงกับความคิดลุงเองที่ให้ความสำคัญกับ CEO มากหน่อย

แต่หนังสืออ่านไม่ค่อยสนุก อ่านแล้วไม่ค่อยต่อเนื่อง ตัดบทสื่อสารของแต่ละตัวอย่างมาเป็นท่อนสั้นๆ ตัดไปตัดมา บริษัทนั้นนิดนี่หน่อย บริษัทตัวอย่างเขาก็แน่นอนว่าเป็นหุ้นอเมริกาที่ไม่ค่อยอินอยู่แล้ว มาสั้นๆก็ไม่เก็ตไปอีก ที่หนาๆ ออกจะน้ำเยอะหน่อย เนื้อหาจับประเด็นแค่ว่าควรดูอะไรแล้วเอาแค่เปิดผ่านๆ ก็พอ
#23
Replace request header : period=1Y to period=5Y

You cannot view this attachment.
#24
วิเคราะห์ผู้บริหาร เจ้าของ

1. ถือหุ้นใหญ่ กิตติ ชีวะเกตุ 48.47 %  ก่อตั้ง อายุ 69 ปี (2566)
มีลูกสาว 2 คน
  1. น.ส. ชวิษศา ชีวะเกตุ   3.89 %  อายุน่าจะ 32-33 ปี จบอักษรจุฬา
  2. น.ส. อลิสา ชีวะเกตุ 3.86 %   อายุ 30 จบโทธุรกิจ มีตำแหน่ง Corporate Image & Treasury Manager
คนโตไม่มีประวัติให้ค้น โฟกัสคนที่ 2 แล้วกัน กลับมาช่วยดูธุรกิจแล้ว  เท่าที่ดูจาก oppday ก็ยังต้องดูอีกสักพัก


2. มีน้องสาวภรรยา นิลรัตน์ จารุมโนภาส ถือ 4.58 % อายุ 65 ดูเรื่องบัญชี การเงิน
ทั้งกลุ่ม จารุมโนภาส 7%
คุมการเงิน แต่อายุก็เยอะแล้ว  ไม่นานก็อาจจะต้องหาคนไว้ใจคนอื่นมาช่วยต่อ

3. ผู้บริหารหลัก ชัชพล ประสพโชค  อายุ 55 ปี ถือหุ้นอยู่ 0.73 % 
น่าจะเป็นไม้เป็นมือ ผู้บริหารหลักตอนนี้ นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการมาตั้งแต่ปี 2557

4. เสรีวิวัฒนา 6.8%  ถืออย่างเดียว แต่ไม่มีบทบาทบริหาร
---------
บุคลากรหลักตอนนี้ก็น่าจะเป็นคุณชัชพล ถ้าดูจากอายุก็ได้อีกราว 5 ปี  หลังจากนั้นก็ดูกันใหม่ ถ้าคุณอลิสาไหวก็คงได้ดูต่อเอง
น่าจะต้องลุ้นคุณอลิสาหน่อยว่าฝีไม้ฝีมือเป็นยังไง
#25
เอาผู้ถือหุ้น เจ้าของมาแปะไว้ก่อน
2 นามสกุลนี้นับเป็นกลุ่มเดียวกันก็ได้

หาญจิตต์เกษม เป็นนามสกุลเก่าคุณยุพิน ครอบครัวผู้ก่อตั้งเริ่มแรก ซึ่งคุณฤทธิ์ ธีระโกเมน ในฐานะเขยมาช่วยบริหารงานต่ออีกที

กลุ่มนี้ถือหุ้นอยู่รวมก็ราว 70%
You cannot view this attachment.

ผังคร่าวๆ
คนก่อตั้ง - ป้าทองคำ
| ลูกสาวป้าทองคำ-ยุพิน(67) + สามี-ฤทธิ์(72)
           | ลูกสาวยุพิน-ทานตะวัน(37)
           | ลูกชายยุพิน-ธีร์(35)
| ลูกชายป้าทองคำ-สมชาย(62)
| ลูกชายป้าทองคำ-สมนึก (เสียชีวิต) + ภรรยา-อัมพร
           | ลูกสาวลูกชาย-วรากร-วราพร

รายคุณอัมพร-วรากร-วราพร ไม่มีชื่อในบริหารด้วย เข้าใจว่าน่าจะยังอายุไม่เยอะ ถือหุ้นอย่างเดียวราว 18%
#26
ห้องบันทึก / GOBFIRE
Last post by lunggob - Apr 16, 2024, 03:06 AM
หลักการที่พยายามจะยึดโยงกับ กบไฟ

G   good ธุรกิจดี อยู่ในแนวโน้มที่ดี
O   owner เจ้าของ ผู้ก่อตั้งดี และยังถืออยู่เยอะ
B/P  board กรรมการ คนทำงานดี มืออาชีพ
F   finance การเงินแข็งแกร่ง
I   Info
R   Return  กำไรเขาอะแหละ
E   enjoy ความชอบในธุรกิจ
#27
หลังจากมีการคุมดอกเบี้ย และมีผู้เล่นรายใหม่ๆเข้ามา
ปะเมินได้ว่าพื้นฐานเปลี่ยนอยู่บ้าง

จากที่ดอกเบี้ยได้เยอะก็ถูกคุมให้ได้ไม่เกินเพดาน ส่งผลกำไรลดลงแน่ๆ

ผู้เล่นใหม่เข้ามาแย่งปล่อย ลดลงซ้ำอีก

ถ้าประเมินจากฐานใหม่ เอาตามปีที่ผ่านมาที่ยอดปล่อยน้อยเพราะชะลอการปล่อยลงดูสถานการณ์ ปีนี้และปีต่อไปน่าจะไม่ชะลอเท่านี้

ราคา 5 บาทกับปันผล 0.25 ก็คิดเป็น 5%
จริงๆก็ไม่ได้เลวร้ายนะ

ข้อดีเขาคือแน่ปลอดภัยมากกว่าหวือหวา บริษัทก็ปลอดภัยแหละ แต่ราคาหุ้นก็ตามผลงานขณะนั้น
#28
มีเปลี่ยนแปลงละ เปลี่ยนตัว CEO

ถ้านับเป็นเจน
เจนแรก คุณ ชนินท์ เป็นคนก่อตั้ง บุกเบิก
เจนสอง คุณ สมฤดี สานต่อจากคุณชนินท์ เทรนกันมา

คนนี้ก็น่าจะเป็น เจนสาม คุณ สินนท์ ว่องกุศลกิจ


คร่าวๆ ก็เป็น CEO banpu next มาก่อน เข้าใจว่าวางตัวมาตั้งแต่ตอนนั้น ประสบการณ์อาจจะยังไม่เยอะ แต่ดูประวัติมาก็เป็นลูกชายคุณชนินท์ คงคุมอยู่อีกที
ด้วยอายุยังไม่เยอะ ก็คงจะอยู่กันไปนานๆเลยแหละ
#29
ธุรกิจหลักๆมี 3 ส่วน

1. ปลูกยาง มีที่ดินสี่หมื่นกว่าไร
2. ขายยางแปรรูปขั้นกลาง น้ำยางข้น ยางแท่ง ยางแผ่น
3. ขายถุงมือยาง ผ่านทาง STGT

เฉพาะข้อ 1 บริษัทปลูกยางในที่ดิน ก็จะมีโอกาสขายคาร์บอรเครดิตได้ด้วย เป็นรายได้ทางอ้อมอีกก้อนนึง
ข่าว คาร์บอนเครดิต
https://www.springnews.co.th/keep-the-world/climate-change/831735

สมมติถ้าได้ตันละ 120 บาท ตามข่าวบน ตีพื้นที่ปลูก 40000 ไร่ เอาแค่ไร่ละ 1 ตัน
ก็ปีละ 4.8 ล้าน ลงเป็นกำไรเลยเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ไหมนะ
แต่ถ้าเทียบรายได้หลักแสนล้าน กำไรปีก่อนๆหลายพันล้าน
มันก็จิ๊บๆแหละนะ
#30
เป็นข้อสงสัย บริษัทที่รันไปได้ดีๆ ทำไมเขาถึงต้องอยากเข้าตลาด เขาอยากได้อะไรจากตลาดกันนะ

เข้าตลาดมาก็ต้องมีการจัดการมากมายตามมา มีการควบคุมตามที่ ตลท กำหนด

จากที่เป็นเจ้าของกันในครอบครัว ไม่กี่คน ก็ต้องแบ่งให้คนอื่นมาร่วมด้วย มาบ่นมาด่าเวลาทำผลงานไม่ได้ตามเป้า

ทำไมกันนะ

โอเค ข้อดีก็มีคือมีเงินทุนไปขยายกิจการ แต่ถ้ากู้ธนาคารก็ได้ กู้เอาจะไม่ดีกว่ารึ

ดอกเบี้ยการกู้อาจจะอยู่สัก 5-7% แต่กำไรที่เพิ่มมาก็ไม่ต้องไปแบ่งไปแชร์กับคนอื่นเพิ่ม จ่ายแค่ดอกกันไป

ถ้างั้นเจ้าของเขาคิดว่าการระดมทุนในตลาดหุ้น ต้นทุนขายหุ้นถูกกว่ากู้เงินสินะ  ซึ่งก็จริง ถ้ากิจการไม่มีกำไร ขาดทุนถ้าไม่จ่ายปันผลก็ไม่ต้องเสียอะไร ต่างจากเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยตามหลอกหลอน

สรุป
ถ้าเอาเงินจากการขายหุ้นไปขยายกิจการ
  - ถ้ามีหนี้เยอะ กู้เพิ่มยากหรือดอกสูงมาก
    -> สมเหตุสมผล
  - ถ้าหนี้น้อย เลือกขายหุ้นแทนการกู้
    -> ไม่ค่อยสมเหตุสมผล แสดงว่าการขยายนั้นเสี่ยง มีโอกาสไม่คุ้มดอกเบี้ยที่เสีย เลยเลือกทางที่ยุ่งยากแต่ไม่เสียดอก

ถ้าเอาเงินจากการชายหุ้นไปชำระเงินกู้
  - ถ้าหนี้เยอะ สภาพคล่องเริ่มแย่
    -> กลางๆ ฟังขึ้น แต่ต้องรอดูว่าจะดีขึ้นไหม
  - ถ้าหนี้น้อย แล้วยังเอาไปจ่ายหนี้ให้น้อยลงอีก
    -> ไม่ค่อยสมเหตุสมผล ปันผลที่จ่ายออกมาจากบริษัทต้องน้อยกว่าดอกเบี้ยที่เสียซะอีก ไม่งั้นยอมจ่ายดอกดีกว่าไหม